เหตุผลที่วัยรุ่นเพิกเฉยเรื่องการขับรถ
การขับรถ คือ จุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางสำหรับคนหนุ่มสาว แต่คนยุคก่อนกลับต้องประหลาดใจกับวัยรุ่นยุคปัจจุบัน เพราะคนในยุคก่อนแทบจะรอไม่ได้กับการที่จะได้สัมผัสกับอิสรภาพอันยิ่งใหญ่ที่จะได้รับจากการขับรถ แต่วัยรุ่นยุคปัจจุบันนั้นดูไม่แยแสกับเรื่องการขับรถ ดังนั้น การทำความเข้าใจในวิธีสื่อสารกับเด็กวัยรุ่นในเรื่องต่างๆ รวมถึงการขับขี่ จะช่วยให้เราเข้าใจว่าอะไรที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา
การเปลี่ยนผ่านอันยิ่งใหญ่ทางจิตวิทยาของวัยรุ่น คือ การเปลี่ยนความสำคัญจากครอบครัวไปยังกลุ่มเพื่อน จะเห็นได้ชัดว่าวัยรุ่นมีอิทธิพลต่อกันเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนรุ่นก่อน การพบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอตัวกันจริงๆ คือการค้นพบอิสระ สำหรับวัยรุ่นยุคนั้นโทรศัพท์บ้านจะต้องมีสายยาวเพื่อให้พวกเขาลากมันออกมาจากห้องนอนของพ่อกับแม่ และจะเฝ้ารอคอยให้โทรศัทพ์ที่บ้านดัง แต่สำหรับวัยรุ่นยุคใหม่นี้ พวกเขาสามารถติดต่อกับเพื่อนๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านสื่อสังคมออนไลน์รูปแบบต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถพิมพ์ แชท รับชม ฟัง หรือดูวิดีโอ และแม้กระทั่งการพูดคุยแบบไลฟ์พร้อมโต้ตอบได้ทันทีทุกที่ทั่วโลก แล้วใครยังจะต้องการใบอนุญาตขับขี่กันอีก ฉันได้พูดคุยกับวัยรุ่นที่ยังหวงแหนความพิเศษนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่พวกเขากำลังมีส่วนร่วมในการทำสิ่งต่างๆ และต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน วัยรุ่นบางกลุ่มไม่ใส่ใจเรื่องการขับรถมากนัก และรู้สึกพอใจหรือปลอดภัยเมื่ออยู่ในห้องของตัวเอง ในขณะที่บางกลุ่มกลัวการขับรถอย่างจริงจัง หรือกลัวคนขับรถคนอื่นที่อาจขับไม่แข็งหรือคนขับที่มัวแต่ให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือมากกว่า และเนื่องจากวัยรุ่นเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบขับรถเพื่อไปทำสิ่งต่างๆ พวกเขาจึงดูเหมือนว่าจะยิ่งยึดติดกับความกลัว และไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการขับรถเหมือนกันคนรุ่นก่อน
ผู้ใหญ่บางท่านอาจเคยรู้สึกว่า เด็กๆ นั้นถูกลดความรู้สึกเรื่องความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงให้น้อยลง เนื่องมาจากการเล่นวีดีโอเกม แต่ฉันกลับไม่คิดว่า เด็กๆ มีความกระตือรือร้นอยากขับรถกันมากนัก เพียง เพราะพวกเขาเห็นว่า นี่คือการเล่นวีดีโอเกมแบบสมจริง หรือเชื่ออย่างง่ายดายว่า การขับรถคือการฝึกการทำงานระหว่างมือกับสายตา อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าพวกเขายังคงคุ้นชินกับกิจกรรมที่ใช้ความสนใจในระยะสั้น และ เกมต่างๆที่สามารถเริ่มต้นเล่นใหม่อีกครั้งได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเครียดมากเท่าไร แต่สำหรับการขับรถนั้น จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนในด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่การการพัฒนาที่ดี เด็กๆ มักจะหยุดทำกิจกรรมที่ต้องการเวลาในการฝึกฝนต่อเนื่องลงกลางครัน และมักต้องการ “ปกปิด” ประวัติการขับขี่ของพวกเขา นอกจากนี้ ตามธรรมชาติของคนหนุ่มสาวจำนวนมาก ยังต้องการความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะ และเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ ดังนั้นความจำเป็นในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์จึงไม่มีความสำคัญเท่าที่ควรจะเป็น วัยรุ่นหลายต่อหลายคนที่ผ่านการฝึกขับรถมาเพียง 2-3 เดือน แล้วมักบอกว่า “ฉันไม่ใช่มือใหม่หัดขับนะ” ในขณะที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ตระหนักดีว่า สิ่งนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อพวกเขาผ่านประสบการณ์การขับรถมาแล้ว 5 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ การปฏิเสธความสำคัญของการขับขี่อาจเป็นอีกรูปแบบของการพยศต่อต้านจากเด็กรุ่นใหม่ จากใบหน้าของพ่อแม่เมื่อต้องสละที่นั่งคนขับออกไป
การเปิดโอกาสพูดคุยกับบุตรหลานเรื่องการขับรถอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ คือวิธีที่ดีที่สุดในการนำพาวัยรุ่นเอาชนะความท้าทายและปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา