MG GS 1.5 Turbo Follow No Others – แรงไม่ตามใคร!
เรื่อง…EDITOR
ดูจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับแวดวงรถอเนกประสงค์หรือเอสยูวีบ้านเราไม่น้อย เมื่อค่ายน้องใหม่ (ในบ้านเรา) อย่างเอ็มจี รุกเข้ามาทำตลาดด้วยโมเดลล่าสุดอย่างเอ็มจี จีเอส 2.0 เทอร์โบ เพราะไม่ใช่เพียงรูปโฉมอันแตกต่างตามแนวทางการออกแบบ Diamond Flow Design เท่านั้น แต่การอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ชนิดจัดเต็ม บวกกับราคาอันสมเหตุสมผลต่างหากที่ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ครองความนิยมไปได้ไม่ยาก
เอ็มจีไม่รอให้กระแสดังกล่าวลดลง ด้วยการเสริมทัพเอ็มจี จีเอส 1.5 เทอร์โบเข้ามาสมทบ ด้วยจุดเด่นของเครื่องยนต์ขนาดเล็กสมรรถนะสูงเกือบเทียบเท่าขุมพลังขนาด 2.0 ลิตรในเอสยูวียี่ห้ออื่นๆ เลยทีเดียว ขณะเดียวกันมันได้กลายเป็นปมขมวดปัญหาในใจใครต่อใครว่า พละกำลังของเครื่องยนต์จะเพียงพอให้เอ็มจี จีเอสที่มีขนาดโอ่อ่าและกว้างขวางนั้น เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างปราดเปรียวพร้อมความประหยัดหรือไม่?
เอ็มจีไม่ปล่อยให้กลายเป็นปัญหาคาใจ ด้วยการเชิญสื่อมวลชนไปทดสอบสมรรถนะเอ็มจี จีเอส 1.5 เทอร์โบ บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทางไป-กลับกว่า 340 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นจากเอ็มจี ไดร์ฟวิ่ง เอ็กซ์พิเรียนซ์ เซ็นเตอร์ (ศรีนครินทร์) ที่มีการจราจรหนาแน่นและติดขัด ก่อนจะออกสู่เส้นธนบุรี-ปากท่อมุ่งหน้าไปทางแยกวังมะนาว ให้ได้ลองขับระยะไกลทำความเร็ว และมุ่งหน้าตรงสู่จุดหมายชายหาดเจ้าสำราญ
ถ้ามองผ่านๆ ด้วยสายตาเปล่า แทบจะจับไม่ได้เลยว่า เป็นเอ็มจี จีเอส 1.5 หรือ 2.0 เทอร์โบกันแน่ นอกจากลายของล้ออัลลอยอันแตกต่าง กับปลายท่อที่หุ้มและไม่ได้หุ้มด้วยโครเมี่ยม ส่วนคู่หน้าและไฟท้ายยังติดตั้งไฟแอลอีดีเหมือนกัน พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันใต้ไฟตัดหมอกคู่หน้า ดุดันด้วยเส้นสายแนวตั้งของกระจังหน้าซึ่งมีโลโก้เอ็มจีประทับตรงกลาง ขณะที่ไฟท้ายนั้นดีไซน์ให้กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของกระจกหลัง เช่นเดียวกันกับภายในห้องโดยสารที่แทบจะเหมือนกันเกือบทั้งหมด ยกเว้นตรงเบาะผู้โดยสารตอนหน้าไม่ได้ปรับตั้งด้วยไฟฟ้า
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ติดตั้งมานั้น เป็นขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเร็คอินเจคชั่น ให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าท่ี 5,600 รอบต่อนาที ขณะที่ีมีแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที โดยส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST-Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 7 สปีด พร้อมแป้นปรับเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย เพียงปรับเกียร์ D เข้าไปสู่โหมด S (สปอร์ต) สีของหน้าปัดหลังพวงมาลัยจะเปลี่ยนไปเป็นเฉดแดงเร้าอารมณ์ขับขี่ทันที
สำหรับคนที่ยังไม่เคยขับรถเอสยูวีที่ดาวน์ ไซส์ซิ่งเครื่องยนต์แบบนี้มาก่อน จะพบกับความหลาดในใจหลายๆ ด้าน เริ่มต้นตั้งแต่การออกตัวที่ไม่หนืดหรือยืดยาดรอรอบเครื่องใดๆ สักนิด การตอบสนองของแรงบิดที่มาในรอบเครื่องต่ำ ทำให้พาเจ้าเอ็มจี จีเอส 1.5 เทอร์โบซอกแซกไปท่ามกลางการจราจรหนาแน่นอย่างสะดวก แถมจะได้เปรียบด้วยซ้ำกับทัศนวิสัยการมองที่มีระดับสูงกว่า จนทำให้มองเห็นสถานการณ์ข้างหน้าได้ไกลกว่า
ส่วนการเดินทางไกลนั้นสนุกและเร้าใจในการขับขี่มาก ไม่ว่าคุณจะขับด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ปรับมาเพื่อตอบสนองความต้องการอย่างรวดเร็ว แถวยังไร้รอยสะดุดระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ 1-7 หรืออยากปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ก็แค่เลื่อนคันเกียร์ไปยังโหมด S แล้วดึงแป้นซ้าย-ขวาเข้าหาตัว เพื่อปรับลดหรือปรับเพิ่มเกียร์ได้อย่างใจปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นการเร่งเครื่องหรือเอ็นจินเบรกจึงทำได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังมั่นใจกับความปลอดภัยในทุกการเดินทางด้วย 13 เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป (Synchronized Protection System) ที่ทำงานประสานกันอย่างลงตัวในรถยนต์คันนี้ พร้อมอุ่นใจด้วยระบบสื่อสารอัจฉริยะอินคาเน็ต อันประกอบไปด้วยระบบนำทางรถยนต์ แจ้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการขับรถ แจ้งเตือนความผิดปกติของรถยนต์ เชื่อมต่อระบบความบันเทิงและการสื่อสารทางโทรศัพท์ และแชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สาย ผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ เป็นต้น
เอ็มจี จีเอส 1.5 เทอร์โบ มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นคือ MG GS 1.5 Turbo D ด้วยค่าตัวให้คุณเป็นเจ้าของง่ายขึ้นเพียง 8.9 แสนบาท และ MG GS 1.5 Turbo X รุ่นจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ในราคา 9.9 แสนบาทเท่านั้น