บ้านปูฯ เผยภารกิจในการพัฒนาคนทั้งในและนอกองค์กร ผ่านวิสัยทัศน์ผู้ร่วมก่อตั้ง
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่รัฐบาลผลักดันให้ประชากรไทยเตรียมพร้อมเข้าสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0” เพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของประเทศให้เดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือ วาระจำเป็นที่ทุกภาคส่วนและทุกสถาบันต้องมุ่งเน้นปฏิบัติอยู่เสมอ เพื่อให้มีบุคลากรที่เก่งงาน ก้าวทันกระแสโลก และมีส่วนพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้าได้ ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็เป็นองคาพยพสำคัญในการพัฒนาธุรกิจให้มีความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ
องค์กรเอกชนไทยอย่าง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกด้านพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย ดำเนินธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร มีแนวคิดว่าการจะมีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นจากใครๆ เงินทุน เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยที่นักบริหารกิจการสามารถเฟ้นหามาได้ แต่สิ่งที่ท้าทายและเป็นสินทรัพย์ที่องค์กรต้องสร้างและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งก็คือคน ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษนับตั้งแต่ คุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัทฯ ได้ปูแนวทางแห่งการพัฒนาคนไว้สำหรับพนักงานทุกรุ่น บ้านปูฯ คือบริษัทที่เน้นให้พนักงานนำความเชี่ยวชำนาญ ผนวกกับค่านิยมเชิงจริยธรรม มาพัฒนาองค์กร ตลอดจนสร้างคุณค่าให้กับตนเองและสังคมโดยรอบ
คุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากบริษัทสัญชาติไทยที่มีจุดเริ่มต้นเป็นธุรกิจเหมืองเล็กๆ ในจังหวัดลำพูน วันนี้บ้านปูฯ ดำเนินธุรกิจพลังงานหลากหลายรูปแบบในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ถึง 9 ประเทศ แต่ละก้าวแห่งความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเราไม่มีคนที่ใช่มาเป็นแรงขับเคลื่อน ปัจจุบันเรามีพนักงานที่สำนักใหญ่ในกรุงเทพฯ กว่า 300 คน และที่อยู่ประจำในประเทศต่างๆ อีกกว่า 100 คน บุคคลเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่เรามุ่งพัฒนา เพราะพวกเขามีศักยภาพที่จะสร้างคุณค่าให้กับองค์กร และต่อยอดสู่สังคมในวงกว้างได้”
หากย้อนไปถึงขั้นตอนของการคัดสรรบุคลากร บ้านปูฯ ไม่เพียงคัดเลือกบุคคลที่ผ่านคุณสมบัติทางวิชาชีพเท่านั้น แต่ต้องผ่านเรื่องทัศนคติรวมทั้งพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมของบ้านปูฯ ด้วย เพื่อสร้างสมดุลให้กับทั้งองค์กรที่มีคนจำนวนมากจากหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา และวัยที่ต่างกัน ก่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกยุคปัจจุบัน ทั้งนี้สิ่งที่หลอมรวมพนักงานให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ คือ วัฒนธรรมองค์กรที่เรียกว่า “บ้านปู สปิริต” ประกอบด้วย นวัตกรรม (Innovation) การยึดมั่นในความถูกต้อง (Integrity) ความห่วงใยและเอาใจใส่ (Care) และพลังร่วม (Synergy) โดยค่านิยมทั้ง 4 นี้เป็นเกณฑ์ตั้งต้นในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน เป็นกรอบแนวทางในการทำงานของพนักงานทุกระดับ
เมื่อใครได้ก้าวมาเป็นบุคลากรของกลุ่มบริษัทบ้านปูฯ พวกเขาจะได้รับการเพิ่มขีดความสามารถ ผ่านโปรแกรมการอบรมและพัฒนาของแต่ละบุคคลที่เรียกว่า Banpu Training Roadmap ซึ่งช่วยเสริมองค์ความรู้ให้แก่พนักงานทั้งในรูปแบบ Technical และ Non-Technical เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถปรับตัวต่อการปฏิบัติงานในทุกพื้นที่และทุกสถานการณ์ได้อย่างมืออาชีพ อันจะนำไปสู่ความพึงพอใจของตัวพนักงานและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้องค์กรก้าวหน้าอยู่เสมอ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังพัฒนาสังคมภายนอกองค์กรผ่านกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยเน้นส่งเสริม “การศึกษาและการเรียนรู้” ให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โครงการเพื่อสังคมต่างๆ ของบริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในบทเรียน เช่น การสนับสนุนทางด้านกีฬาเทเบิลเทนนิสผ่าน“สโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปู” เพื่อพัฒนาทักษะทางกีฬาและส่งเสริมประการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน “โครงการสนับสนุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ในพื้นที่ที่บ้านปูฯ เคยดำเนินธุรกิจในอดีต เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการ “โครงการค่ายเพาเวอร์กรีน”(Power Green Camp) เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ “โครงการออกแบบเกม ออกแบบสังคม”(Thammasat-Banpu Innovative Learning Program) ที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านการคิดเชิงออกแบบและการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านเกมการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและขับเคลื่อนสังคม
“โครงการ CSR ของบ้านปูฯ แฝงด้วยค่านิยมทั้ง 4 ขององค์กร และสะท้อนแนวคิดที่ว่า พลังความรู้ คือ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา เราจึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมที่สร้างเสริมการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเน้นปลูกฝังเยาวชนให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทำประโยชน์ให้แก่ตัวเอง ครอบครัว และชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป” คุณชนินท์ กล่าวเสริม
จากวิสัยทัศน์และแนวทางการปฏิบัติที่สั่งสมและถ่ายทอดจากผู้ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นสิ่งยืนยันถึงความตั้งใจจริงที่คุณชนินท์ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถให้ทรัพยากรบุคคลของประเทศ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ คุณชนินท์ ยังได้รับรางวัล “ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Excellence Award) ประจำปี 2560″ จัดขึ้นโดยสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเชิดชูเกียรติและเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และผู้เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย