ซิ่งสปอร์ตสไตล์อังกฤษ โฉบส่องความงาม ที่สามพราน นครปฐม กับ MG gs 1.5 Turbo
เรื่อง…EDITOR
วันหยุดมีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด ทำยังไงได้ก็ใจอยากเที่ยว… หนูหมวยไม่รอช้าหยิบรีโมท กดปุ่มสตาร์ทออกจากบ้านสิคะรออะไร แค่มีเพื่อนคู่ใจ MG GS 1.5 Turbo
MG GS 1.5 คันนี้ที่ภายนอกและภายในถูกใจ หนูหมวย คนนี้ซะเหลือเกิน รถ SUV ขนาดพอดีทรงสปอร์ต ในสไตล์ผู้ดีอังกฤษ แค่พกรีโมทไว้กับตัวแล้วกดปุ่มเล็กๆ สีดำตรงด้ามจับประตู แค่นี้ก็ปลดล็อค ยกกระเป๋า เตรียมนั่ง และกดปุ่มสตาร์ทอัจฉริยะเปิดแอร์เย็นๆ ฟังเพลงเพราะๆ แค่นี้ใจมันก็พร้อมที่จะออกโลดแล่นแล้วค่ะ
ขับสนุกกับเกียร์อัตโนมัติ TST 7 Speed
วันหยุดทั้งทีชวนเจ้านายผู้แสนดีออกไปใช้เงินในกระเป๋า รับประทานอาหาร เที่ยวกันใกล้ๆ กรุงเทพฯ (เจ้านายไปด้วยทุกอย่างก็ฟรีไงคะ อิอิ) จากสนามบินน้ำมุ่งตรงไปยังถนนพระราม 5 เป้าหมายของเราคือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จ.นครปฐม ว่าแล้วก็ลองค้นหาเป้าหมายบนหน้าจอขนาด 8 นิ้วระบบ Touch Screen ที่มีฟังก์ชั่น Navigator ให้สามารถค้นหาจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวก ทันใจ เริ่มการเดินทางปรับเบาะที่นั่งระบบไฟฟ้าที่ปรับได้ 6 ทิศทาง ขยับเกียร์อัตโนมัติ TST 7 Speed ที่สามารถเลือกการขับขี่ได้ทั้งระบบแบบ Manual หรือ Sport Mode ออกตัวช้าๆ อาจจะมีสะดุดเล็กน้อย แต่พอเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มกำลัง ด้วยพละกำลัง 167 แรงม้า เครื่องยนต์ TURBO 1.5 ลิตร ก็เรียกความเร้าใจและตอบสนองจากปลายเท้าของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคุมความเร็วด้วยระบบ Cruise Control หรือจะสั่งการทำงานง่ายๆ ด้วยระบบ Paddle Shift แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสก็ทำได้ แถมรองรับน้ำมัน E85 อีกด้วย
แวะเที่ยวทางผ่านรับประทานอาหารอร่อย
ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางที่เราตั้งไว้ใน Navigator เราผ่านจุดท่องเที่ยวที่พบเจอกันโดยบังเอิญคือ “สวนนกยูงสามพราน”เข้าซอยวัดเทียนดัด ประมาณ 3.5 กิโลเมตร อยู่ฝั่งซ้ายมือ ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 80 บาทและเด็ก 40 บาท
นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในมีนกยูงอินเดียที่สวยงามมากกว่า 1,000 ตัว ทางสวนสัตว์เลี้ยงด้วยขนมปัง และยังสัมผัสกับสัตว์ต่างๆได้อย่างใกล้ชิด
เมื่อเข้ามาแล้ว หนูหมวยไม่รอช้า ที่จะก้าวเดินเก็บบรรยากาศอันร่มรื่น ภายในสวน กำลังเดินอย่างเพลิดเพลิน ก็มีเสียงดังขึ้นมา “แม๊ะๆๆๆ” “แม๊ะๆๆๆ” เสียงใครมาเรียกแม่ๆ แถวนี้… กวาดสายตามองหาต้นเสียง โอ้โห!! ฝูงแกะด้านหลังบ่อปลาที่ทางสวนเลี้ยงไว้จำนวนมาก ยืนรอต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแน่นขนัด …ถัดจากคอกแกะเดินเลยอีกนิดจะเห็นกรงกวางดาว ทั้งเล็กใหญ่ มายืนคอยต้อนรับเช่นกัน ก่อนที่จะแวะไปทักทายนกยูง ที่กางขนอวดโฉมความงาม บ้างก็เดินมาคอยอาหารที่เรากำลังยื่นให้… ถึงกระนั้นนกยูงเป็นสัตว์ที่ไม่กลัวคน สามารถไปยืนให้อาหารใกล้ๆ ได้ แต่ก็เพื่อความปลอดภัย ยืนอยู่ในระยะที่พอดีนั้นดีกว่าค่ะ
หลังจากเดินเที่ยวชมสวนเสร็จก็เที่ยงพอดี หนูหมวยเริ่มหิว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่ใกล้ ไม่ไกลจาก “สวนนกยูงสามพราน ” จะมีร้านอาหารที่ติดป้ายเชื้อเชิญ ให้ผู้เดินทางแวะชม ชิม ริมบรรยากาศแม่น้ำท่าจีนตั้งแต่ปากทางเข้าซอย “ร้านอาหารแพเรือนน้ำ” ร้านเล็กๆ เรือนไม้ ติดริมแม่น้ำท่าจีน ตั้งอยู่เชิงสะพานร่วมใจเฉลิมเกียรติ (สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน) อาหารที่เราสั่งรับประทานกันมื้อนี้ ก็ธรรมดาๆ ปลากระพงทอดน้ำปลา ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน และยำทะเลรวม แม้ร้านจะดูธรรมดาเรียบง่าย แต่อาหารอร่อยถูกปาก หนูหมวยเหลือเกิน โดยเฉพาะต้มยำกุ้งที่ใช้หม้อไฟใส่ถ่านก้อนให้ความร้อนครุกรุ่นตลอดเวลา รสชาติน้ำต้มยำเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ ครบรส บวกกับความจัดจ้านของพริกและเครื่องต้มยำที่ใส่กันมาอย่างพอดี รออะไรล่ะ…หนูหมวยไม่รอช้า ตักซดอย่าให้เหลือ ถัดมาเป็นปลากระพงทอดน้ำปลาที่ร้านอาหารที่ไหนๆ ก็มีรับประทาน แต่ที่นี่ใช้ปลากระพงตัวใหญ่แล่เนื้อเป็นชั้นๆ คล้ายหมูกรอบ ทอดแล้วราดน้ำปลาที่เคี่ยวกับน้ำตาบปีบเพิ่มความหอม หวาน กรอบนอก นุ่มใน และน้ำยำมะม่วงเปรี้ยวจี๊ด ราดตรงเนื้อปลาที่รับประทานแล้วก็ต้องร้องอื้อหือ! กันเลยทีเดียว กินอิ่มชมวิว ดูกอผักร้องโอ้ย!! ลอยกันเป็นกอใหญ่ (ผักตบชวาเจ้าค่ะ) ก็เช็คบิลออกเดินทางไปยังเป้าหมายของเราต่อไปค่ะ
จากร้านอาหารมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางคือ “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย”
หนูหมวยอยากลองสัมผัสถึงความสบายเบาะหลังดูบ้าง หนูหมวยไม่รอช้าขึ้นประจำห้องผู้โดยสาร แล้วเปลี่ยนให้เจ้านายขับให้นั่ง…สบายจริงๆ ระหว่างเส้นทางจากร้านอาหารไปตาม Navigator ตลอดทางก็ได้สัมผัสกับความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ด้วยระบบจะเปลี่ยนการขับเคลื่อนตามสภาพถนนที่แตกต่างโดยอัตโนมัติ คือเปลี่ยนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ เพิ่มความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของเซรามิก ทำให้ระยะการเบรกสั้น แม่นยำ ไม่รู้สึกถึงแรงกระตุกหรือหยุดชะงักในกรณีที่ต้องเบรกฉุกเฉิน
ด้านหลังที่นั่งสบายกับเบาะหลังที่สามารถปรับเอนได้ถึง 14 องศา มีพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเก็บสัมภาระได้อย่างจุใจ อีกทั้งพนักพิงรองรับที่วางแก้ว ภายในจากชุดคอนโซลหน้าตัดกับวัสดุสีดำ Piano Black สวิตช์ควบคุมต่างๆ ที่ใช้งานง่าย หลังคา Sunroof พร้อมเปิดรับบรรยากาศจากภายนอก บ่งบอกตัวตนความสปอร์ตในแบบ MG GS
สัมผัสความนิ่มนวลและห้องโดยสารที่เงียบ บวกแอร์เย็นๆ จนหนังตาเกือบจะคล้อยประกบเข้าหากัน ก็ถึงจุดหมายปลายทางเสียก่อน “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” ประติมากรรมระดับโลก หุ่นเหมือนจริงดุจมีชีวิต ขาดแต่เพียง…ลมหายใจเท่านั้น! นำโดย อาจารย์ดวงแก้วพิทยากร ศิลป์ ที่สนใจการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง และศึกษาค้นคว้าทดลองเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จึงประสบความสำเร็จ สามารถสร้างหุ่น ขี้ผึ้งยุคใหม่จากไฟเบอร์กลาสที่มีความคงทน ประณีต งดงาม เหมือนคนจริงที่สุด เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศและศิลปินไทย โดยปัจจุบันมีหุ่นไฟเบอร์กลาสทั้งหมด 120 รูป
อาคารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยแบ่งเป็นสองชั้น ไฮไลท์ของที่นี่ คือห้องจัดแสดงพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์พระบรมราชจักรีวงค์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 8 และห้องจัดแสดงถัดไป เป็นห้องจัดแสดงพระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนี สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยประราชประวัติและ พระกรณียกิจต่างๆ และภาพงานพระราชพิธีสุดท้าย ภายในยังมีห้องต่างที่จัดแสดงโชว์ สามารถเข้าชมได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.30 น. วันเสาร์- อาทิตย์ ,วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท ปิดทริปความสนุกในวันหยุดแบบใกล้กรุงได้อย่างประทับใจ ทริปหน้าเราจะเดินทางไปที่ไหนติดตาม หนูหมวยคนนี้ได้ใน เว็บไซต์ Benewsonline แล้วคุณจะไม่พลาดทั้งเรื่องรถ กิน เที่ยว ในสไตล์ผู้หญิงหลังพวงมาลัย…
ราคาจำหน่าย MG GS 1.5 เทอร์โบ
MG GS 1.5 D ราคา 890,000 บาท
MG GS 1.5 X ราคา 990,000 บาท
รูปภาพเพิ่มเติม MG gs 1.5 Turbo