เดอร์มาลิงค์ ประกาศจุดยืนเบอร์ 1 ด้านนวัตกรรมความงามในเมืองไทย ผ่านกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ตั้งเป้าดันยอดขายสู่ 500 ล้านบาทภายในปี 60
นายธีร์ธวัช แร่จั่น ประธานกรรมการบริษัท เดอร์มาลิงค์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอันดับหนึ่งของเมืองไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันจำนวนประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงสู่เข้าสังคมผู้สูงอายุ
ขณะที่นวัตกรรมความงามก็มีส่วนเข้ามาช่วยชะลอความแก่ คืนความอ่อนเยาว์ ส่งผลทำให้ตลาดความงามมีกระแสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของเดอร์มาลิงค์ เราเน้นการตลาดแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย หรือกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” ให้ความรู้อย่างถูกต้อง เข้าถึง เข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์
โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม B2B ได้แก่ คุณหมอ สถาบันความงาม คลินิก และโรงพยาบาล มีการสื่อสารผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาและทำการสอนจริง และกลุ่ม B2C ได้แก่ ลูกค้าที่มาใช้บริการจากคุณหมอ คลินิก โรงพยาบาล และลูกค้าที่ได้รับข้อมูลผ่านโซเชี่ยลมีเดีย รวมถึงจากสื่อประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ
“ เดอร์มาลิงค์เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก อาทิ เมโสเอสเทติก (mesoestetic®) จากประเทศสเปน นวัตกรรมเครื่อง SELPHYL® จากประเทศสหรัฐอเมริกา นวัตกรรมกระชับสัดส่วน UltraZ จากประเทศเกาหลี รวมถึงเทคโนโลยีความงามหลากหลายจากทั่วโลกกว่า 20 แบรนด์
ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ได้แก่กลุ่ม เมโสฟิลเลอร์ เป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่ฉีดริมฝีปาก ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงในยุโรปและอเมริกาใต้ แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยมากนัก เรียกว่าเป็นเจ้าแรกๆ ในเมืองไทยที่นำเข้ามา
ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 – 6 ปีที่ผ่านมาเราพยายามสรรหานวัตกรรมที่ดี และเหมาะสมกับคนไทยที่สุด เพื่อก้าวเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดนี้ในเมืองไทย สำหรับปีนี้ได้เตรียมเปิดตลาดในประเทศลาว เมียนมา และตลาดใหญ่ที่น่าสนใจคือประเทศจีน เพื่อใช้เป็นฐานรองรับการส่งออก โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 500 ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนองค์กรเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปี ” นายธีร์ธวัช กล่าว
ปัจจุบันเดอร์มาลิงค์ได้ส่งต่อเทรนด์ความงามใหม่ๆ ไปยังคลินิกความงาม และโรงพยาบาลทั่วประเทศมากกว่า 3,000 แห่ง รวมถึงประเทศต่างๆทั้งในกลุ่มประชาคมอาเซียน (AEC) และภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งนับเป็นกระแสแฟชั่นที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความนิยมแพร่หลายในวงกว้าง ถือเป็นยุคทองของนวัตกรรมความงาม ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ และเครื่องมือที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ดังนั้นจึงต้องสร้างเทรนด์ความงามให้เกิดขึ้น และขายความเป็นครีเอทีฟไปพร้อมๆกัน จึงจะทำให้ธุรกิจความงามเติบโตและยั่งยืน
