ตะเกียงเติมยิ้ม ปันแสงสว่างให้น้องชายแดน
รอยยิ้มของเด็ก ๆ แต่งแต้มโลกให้สว่างสดใส แต่เด็ก ๆ เหล่านี้จะมีรอยยิ้มได้อย่างไร ถ้าพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดที่น่ากลัว ลองคิดดูว่า ในขณะที่เรามีห้างร้านขนาดใหญ่เปิดไฟสว่างไสวตลอด 24 ชั่วโมงนั้น อีกมุมหนึ่งของโลกใบเดียวกัน ยังมีประชากรอีกกว่า 1.2 พันล้านคน
โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ไม่มีแสงสว่างสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การดูแลสุขอนามัย หรือแม้กระทั่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
ทาเคชิ โนะโมโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า “พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น”ประเทศญี่ปุ่น ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว
จึงริเริ่มโครงการ “100 Thousand Solar Lanterns Project” ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เพื่อมอบตะเกียงโซลาร์เซลล์ให้กับประชาชนทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าได้ โดยตั้งเป้าบริจาคครบ 100,000 ดวง ภายในปี พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นปีที่พานาโซนิคจะมีอายุครบ 100 ปี”
และตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้สานต่อแนวคิดดังกล่าว ดำเนินโครงการ “บริจาคตะเกียงโซลาร์เซลล์กับพานาโซนิค” โดยนำร่องมอบให้กับชุมชนใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นที่แรก และล่าสุด ได้ร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทย มอบตะเกียงโซลาร์เซลล์ 100 ดวง ให้กับโรงเรียนบ้านหนอง อ.สังคม จ.หนองคาย และชุมชนใกล้เคียง
ศิริรัตน์ ยงค์เจริญชัย ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงประโยชน์ของตะเกียงโซลาร์เซลล์ว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า ชาวบ้านมักจะใช้ตะเกียงน้ำมัน ซึ่งจะมีควันระเหยออกมา และก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ขณะที่ตะเกียงโซลาร์เซลล์มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก และให้แสงสว่างเพียงพอโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงเหมาะจะนำมาใช้ทดแทน พานาโซนิคยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ตามแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างชีวิตที่ดีกว่า เพื่อโลกที่ดียิ่งขึ้น ( A Better Life A Better World)
สำหรับเหตุผลที่เลือกโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย นั้น ธนพงษ์ สุระคาย ผู้ประสานงานภาคสนาม มูลนิธิรักษ์ไทย อธิบายว่า แม้ว่าชุมชนนี้จะมีไฟฟ้าใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีบางครอบครัวที่ยากจน และอาศัยทำกินอยู่ตามสวนตามไร่ซึ่งไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
การมอบตะเกียงโซลาร์เซลล์ให้กับครอบครัวเหล่านี้ เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเด็กๆ ในครอบครัวที่ยากจนได้มีตะเกียงไว้ใช้สำหรับอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเวลากลางคืน เป็นการเพิ่มโอกาสทางการเรียนรู้ให้กับเด็กโดยตรง ส่วนครอบครัวเองก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการได้ใช้อุปกรณ์ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และประหยัดค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่าย
นอกจากการมอบตะเกียงโซลาร์เซลล์แล้ว ทางพานาโซนิคยังนำทีมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ไปให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน รวมถึงวิธีการประหยัดพลังงานในชีวิตประจำวันให้กับน้องๆ โรงเรียนบ้านหนอง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่สุดชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงใน จ.หนองคาย ด้วย
วิศรุต สมบัติบุญสวน ผอ.โรงเรียนบ้านหนอง กล่าวว่า โรงเรียนบ้านหนอง เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 126 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้น ป.6 ถือเป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลที่สุดของ จ.หนองคาย ทั้งโรงเรียนและหมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขา เมื่อเกิดลมกรรโชกหรือภัยธรรมชาติไฟฟ้ามักจะดับอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น การที่ทางพานาโซนิคมาบริจาคตะเกียงจึงเป็นประโยชน์กับทั้งนักเรียนและชุมชนด้วย
“ทั้งชุมชนและเด็กๆ ดีใจและยินดีที่ทางทางพานาโซนิค และมูลนิธิรักษ์ไทย เข้ามาให้ความอนุเคราะห์บริจาคตะเกียงโซลาร์เซลล์ ถ้ามีแสงสว่างก็จะช่วยเรื่องการเรียนของเด็ก ๆ ได้มาก
นอกจากนี้ การที่มีทีมเข้ามาให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่เด็กๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ปกติทางโรงเรียนจะเน้นสอนเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว เมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยอีกแรง เด็กๆ ก็จะตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม” ผอ.หนุ่มไฟแรงกล่าว
ในที่สว่างเราอาจไม่เห็นความสำคัญของแสงไฟ ต่อเมื่อตกอยู่ในที่มืด แม้เพียงแสงจากตะเกียงดวงเล็กๆ ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแสงอาทิตย์ เหมือนกับโอกาสที่หยิบยื่นให้ในพื้นที่ขาดแคลน แม้เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะจุดประกายความหวัง นำทางไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป