web analytics

ติดต่อเรา

ฟิล์มกันร้อน V-KOOL เดินหน้าด้านบริการครบวงจร พร้อมปล่อยของ “ฟิล์มกันร้อนเทคโนโลยีล้ำ”

เปิดแผนธุรกิจปีไก่ ฟิล์มกันร้อนพรีเมี่ยมV-KOOL เดินหน้า ยกระดับมาตรฐานศูนย์บริการ-บริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์ฟิล์มกันร้อนที่มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์ของ V-KOOL เท่านั้น

DSC_2180พิมพา ชลาลัย ประธานบริหาร บริษัท วี เค เอส กรุ๊ป (เอเซีย) จำกัด (V-KOOL Group Thailand) ผู้นำเข้าฟิล์มกันร้อน ติดรถยนต์ภายใต้ยี่ห้อ V-KOOL และฟิล์มกันร้อนติดตั้งอาคารภายใต้ ยี่ห้อ iQUE แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า

นโยบายการดำเนินธุรกิขของ V-KOOLในปี 2560 จะเดินหน้าเต็มที่สำหรับการยกมาตรฐานการบริการอย่างเต็มรูปแบบทั้งในส่วนของศูนย์บริการของผู้แทนจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ ทั้ง 7 ราย สู่รูปลักษณ์ “วี-คูล ฟูลเฟล็ต เอาท์เล็ท” (V-KOOL Full Fledged Outlet) โดยศูนย์ฯทั้ง 7 แห่งต้องเสร็จสิ้นภายใน ไตรมาส 3 ในของปีนี้เน้น การบริการหลังการขาย และการนำเสนอฟิล์มกันร้อนนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดศูนย์ วี-คูล ฟูลเฟล็ต เอาท์เล็ท สาขาที่ 3ที่ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรีโดยศูนย์บริการดังกล่าวเป็นการตกแต่งรูปแบบใหม่ล่าสุดและเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยศูนย์ฯดังกล่าว เป็นศูนย์บริการติดตั้งฟิล์มกรองแสง V-KOOL ที่ทันสมัยระดับมาตรฐานสากลเช่นเดียวกันกับ ศูนย์ฯ V-KOOL  ทั่วโลก ครบครันด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์ และช่างผู้ชำนาญ โดยศูนย์ฯแห่งนี้สามารถให้บริการลูกค้าที่เข้ามาติดตั้งฟิล์มได้ถึง 5 คันพร้อมกัน รวมถึงเป็นศูนย์ที่ให้บริการเคลือบแก้วของV-KOOL ได้อีกด้วย

ขณะเดียวกันเรายังมีความโดดเด่นด้านผลิตภัฑณ์ฟิล์มกันร้อนของ V-KOOL ที่สามารถกันความร้อนได้สูง ถึง 98% ป้องกันรังสียูวีได้ 99% ให้ค่า SPF 325 ซึ่งเป็นผลการทดสอบจากสถาบันอาร์พันซ่า ประเทศ ออสเตรเลีย ด้วยมีส่วนผสมของวัตถุดิบที่มีราคาแพงที่สุดได้ แก่โลหะเงิน และ โลหะทองคำ

ทำให้ฟิล์ม V-KOOL มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยี XIR ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใน ซิลิคอน แวลเลย์ ประเทศสหรัฐ และนำมาปรับใช้ในเมืองเดรสเดรน ประเทศเยอรมันนี ดังนั้นเทคโนโลยีนี้มีอยู่ในฟิล์มกันร้อนยี่ห้อ V-KOOL เท่านั้น

“นักออกแบบและวิศวกรของเราได้ใช้เวลากว่า 20 ปีในการปรับแต่งและพัฒนาศิลปะแห่งการผลิตฟิล์มกันความร้อนที่มีความก้าวล้ำทางวิทยาศาสตร์ ผลลัพธ์ที่ได้คือฟิล์มกันร้อนที่ล้ำสมัย มีคุณสมบัติในการเลือกแสงที่เหมาะสมที่ช่วยให้ทัศวิสัยในการมองเห็นชัดเจนและยังช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างดี

บริษัท V-KOOL International (วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล) ผู้ลงทุนด้านนวัตกรรมเหล่านี้ ด้วยเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตที่มีมูลค่าสูงถึง 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพอย่างดีเยี่ยมออกมา และได้ส่งถึงมือลูกค้า จึงทำให้วีคูลสามารถครองใจลูกค้าคนไทยมายาวนานถึง 25 ปี โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้เราเตรียมเปิดตัวฟิล์มกันร้อนที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เชื่อว่าจะถูกใจลูกค้าที่เลือกใช้ฟิล์มกันร้อนที่มีคุณภาพ และชื่นชอบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งมีให้ครบครันในฟิล์มดังกล่าว” พิมพา กล่าว

ปัจจุบัน V-KOOL มีผลิตภัณฑ์ฟิล์มกันร้อน แบ่งเป็น 3 รุ่นดังนี้ 1.Solitaire Energy (โซลิแทร์ เอ็นเนอร์จี) 2 . Eco Stature (อีโค สแทคเชอร์) 3. Ozone Signature (โอโซน ซิกเนเจอร์) ซึ่งราคาจำหน่าย V-KOOLอยู่ระหว่าง 11,000 -36,000 บาท ที่ผ่านมาลูกค้าที่เลือกวีคูลได้รับการดูแลอย่างดี

ภายหลังจากที่ติดฟิล์มจะได้รับใบรับประกันเป็นระยะเวลา5ปีในกรณีที่ลูกค้าวีคูลต้องการตรวจสอบฟิล์มหรือแจ้งเรื่องการบริการ สามารถที่จะสอบถามรายละเอียดได้ที่ Center 02 181-5365- 68 หรือนำรถเข้ามามาตรวจสอบคุณภาพของฟิล์มวีคูลที่ได้ติดตั้งไปยังที่ศูนย์บริการ ที่สำนักงานใหญ่ บางนา ซึ่งสิ่งที่ได้ดำเนินการเหล่านี้ถือว่าเป็นหัวใจของการบริการที่ V-KOOL จะดูแลลูกค้าครอบครัว V-KOOL อย่างดีที่สุด

“V-KOOL ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้สินค้าเป็นหลักอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ฟิล์มป้องกันความร้อนที่มีคุณภาพดี เหมาะสมกับสภาวะอากาศของประเทศไทยรวมไปถึง พัฒนาศูนย์บริการ การบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบสิ่งที่ประโยชน์ต่อผู้บริโภคครอบครัว V-KOOL

ด้านกิจกรรมตลาดเราก็ไม่ได้หยุดยั้งโดยในวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมาบริษัทฯได้จับฉลากจากบัตรประกันสินค้าและประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ใช้สินค้า V-KOOL ทั้ง 5 ท่าน  10 รางวัล  ในแคมเปญติด V-KOOL ลุ้นท่องเที่ยวฮ่องกง ซึ่งเดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์ ที่นั่งนักธุรกิจ พร้อมพักโรงแรม 5 ดาว เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยจะมีการเดินทางภายในเดือนมีนาคมนี้”

สำหรับภาพรวมรถยนต์ในปี59 ที่ผ่านมา ยอดขายอยู่ที่ประมาณอยู่ที่ 767,000 คัน สำหรับลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของฟิล์ม วี-คูลจะเป็นรถที่มีราคาเกิน1ล้านขึ้นไป  รถกลุ่มดังกล่าวมีประมาณ 140,000 คัน โดยแบ่งเป็นกลุ่ม รถยนต์นั่ง  รถยนต์อเนกประสงค์ (MPV, PPV, SUV) โดย V-KOOL มีส่วนแบ่งในตลาดนี้อยู่ประมาณ 12%  ส่วนในปีที่ผ่านมาการขายฟิล์มอาคารอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมากมีการเติบโตถึง 20%

ส่วนมูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมของปีที่ผ่านมาคาดว่าอยู่ประมาณ 1,500 -1.600 ล้านบาท ซึ่งในปี 2560 คาดว่าตลาดรถยต์จะมีความคึกคักเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 800,000 คัน ซึ่งในส่วนของ V-KOOL จะพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้เท่ากับปีที่ผ่านมา

หรืออาจจะปรับเพิ่มขึ้น แต่จะมีอัตราการเติบโตมากน้อยเพียงใดนั้น คงต้องจับตาดูตลาดยานยนต์ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลถึงตลาดรถยนต์ เพราะตรงนี้จะส่งผลถึงตลาดฟิล์มกรองแสงโดยตรง

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *