โรคเอดส์ AIDS นับเป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถคิดค้นยามารักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ มหันภัยร้ายนี้ได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปแล้วกว่า 25 ล้านรายทั่วโลก
ดังนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) และโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) จึงกำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี เป็น “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) เพื่อให้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงอันตรายของมัน และร่วมกันรณรงค์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคร้ายนี้
โดยดำเนินควบคู่ไปกับการค้นคว้าวิจัยอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อหาวิธีเอาชนะมันให้ได้ ล่าสุด ทีมนักวิทยาศาสตร์ไทยได้ค้นพบแนวทางที่จะรักษาชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายได้ โดยวิธีเร่งการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาว CD4 จากสารสกัดพืชไทย 5 ชนิดได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ทางรอดใหม่สำหรับผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลก
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เปิดเผยว่า ความร้ายกาจของเชื้อไวรัสนี้ถือว่ามีความรุนแรงอย่างมาก เพราะเป็นโรคที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์โดยตรง
ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus, HIV) ซึ่งจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยบกพร่อง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและการเกิดเนื้องอกบางชนิดได้
โดยเมื่อใดก็ตามที่ไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกายแล้ว มันจะฝังตัวเข้าไปในเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 โดยเข้าไปมากที่สุดคือ CD4 ชนิด Th17 แล้วเชื้อ HIV จะค่อยๆ ทำลาย CD4 ก่อนที่จะแพร่ออกไปยังCD4 เซลล์ใหม่ ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อจำนวน CD4 ถูกเชื้อ HIV ทำลายจนน้อยลงเรื่อย ๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายน้อยลง ดังนั้น ปัญหาที่สำคัญของคนติดเชื้อ HIV คือปัญหาของโรคที่จะเกิดจากการที่มีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง ซึ่งเรียกกันว่าโรคติดเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic infections) เช่น โรคปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มะเร็งบางชนิด และวัณโรค
ภายหลังการรับเชื้อ บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย บางรายอาจมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่ว ๆ ไป เช่น มีไข้ ผื่นตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ อาการมักกินเวลาสั้น ๆ และหายไปได้เอง หลังจากนั้นผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ เลย เมื่อเชื้อ HIV ทำลาย CD4 ต่อไปเรื่อยๆ จนมีระดับต่ำกว่า 200 cell/mm3 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการของโรคเอดส์เกิดขึ้น เช่น ฝ้าในปาก ผื่นคันตามตัว น้ำหนักลด
ปัจจุบันการรักษาอาการของผู้ป่วยติดเชื้อ HIV คือ ต้องกำจัดเชื้อไวรัส HIV ให้หมดสิ้น และเพิ่ม CD4 ให้มีระดับปกติ โดยเฉพาะการเพิ่ม CD4 ชนิด Th17 ซึ่งปัจจุบันยาต้านไวรัสสามารถลดปริมาณไวรัส HIV ในผู้ติดเชื้อลงได้ก็จริง
แต่อาจมีผลข้างเคียงและไม่สามารถเพิ่ม CD4 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากเมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยสามารถเพิ่ม CD4 ให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
ล่าสุด ผลวิจัยจากคณะนักวิจัย Operation BIM บ่งชี้ว่า หากเพิ่มเม็ดเลือดขาว CD4 ได้ในปริมาณที่มากจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายรอดตายได้ ทั้งนี้พบว่า CD4 สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้อย่างรวดเร็วจากการใช้สูตรสารสกัดธรรมชาติ ที่ผสมสารสกัดจากพืชไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด ฝรั่ง งาดำ ถั่วเหลือง และใบบัวบก
เมื่อนำมาเสริมฤทธิ์กัน พบว่ามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นในการกระตุ้นCD4 ชนิด Th17 ได้ 5 เท่า, Th1 ได้ 2 เท่า และ Th9 ได้ 2 เท่า (โดยพิสูจน์ด้วยการทดสอบจากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาวกลุ่มเพชฌฆาต (Cytotoxic T-Cells) ในการกำจัดเชื้อHIV ทำให้ผู้ป่วย AIDS ระยะสุดท้ายรายหนึ่งมี CD4 เพิ่มขึ้นถึง 4,950 % ภายใน 4 เดือนจาก 6 cells / cu.mm. เป็น 303 cell /cu.mm. ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ผลการวิจัยชิ้นล่าสุดนี้นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพเพื่อผู้ติดเชื้อ HIV อย่างแท้จริง ด้วยวิธีสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้เกิดความสมดุลอีกครั้ง ถือเป็นการคืนชีวิตใหม่ให้ผู้ติดเชื้อ ได้มีสุขภาพที่ดีและมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวันได้มากขึ้น
Comments
comments